
บทสัมภาษณ์
มูลนิธิสานรัก บ้านทานตะวัน เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
พี่ที่ให้สัมภาษณ์ ทำหน้าที่ อะไรในมูลนิธิสานรักนี้ ?= เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ โดยรับบริจาค ให้ข้อมูล ติดต่อสอบถามเบื้องต้น หากจะทำอะไรกับมูลนิธิในรายละเอียดลึกๆ ก็ต้องคุยกับเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มหนึ่ง
มูลนิธินี้ ตั้งขึ้นมาได้อย่างไร?= กรรมการหลายๆท่าน ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ในช่วงที่ก่อตั้งขึ้นมามีเด็กขาดสารอาหารเยอะ โดยก่อตั้งมาตั้งแต่ 2522 ตอนนี้ ครบ 30 ปีแล้ว กรรมการหลายๆท่าน ก็เป็นกรรมการของมูลนิธิอยู่ในปัจจุบัน
เงินทุนเริ่มต้นในการก่อตั้งสถานที่มาจากไหน ?= ถ้าเป็นส่วนก่อสร้าง กรรมการจะหางบประมาณสนับสนุนจากหลายๆที่ อาจเป็น บริษัท
เงินสนับสนุนที่ใช้ในการดำเนินมูลนิธิส่วนมากมาจากไหน ?= ทั่วไป จากการรับบริจาคจากคนในประเทศเป็นส่วนมาก แล้วแต่จะมาจากไหน อาจเป็นเดี่ยว กลุ่มคน บริษัท หรือ ครอบครัว แล้วแต่วัตถุประสงค์ของแต่ละบริษัท
หน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือด้านนี้บ้างไหม ?= ไม่ได้มีเป็นหลัก ถ้าเป็นในส่วนของสิ่งก่อสร้างใหญ่ๆ หรือเป็นชิ้นเป็นอัน ส่วนมากต้องคุยกันเป็นกิจจะลักษณะ แต่ถ้าเป็นของทั่วไป บริจาคเงิน หรือสิ่งของ ก็จะมาโดยทั่วไป
ปกติ มีคนบริจาคเยอะไหม ?= ปัจจุบันไม่ค่อยเยอะ เพราะมูลนิธิในปัจจุบันมีหลากหลายและเยอะ เด็กก็มาก ประเภทเด็กก็เยอะ สัตว์ก็เยอะ คนแก่ และแต่ละที่ก็ต้องการรับบริจาค แต่ที่นี่ก็พออยู่ได้ เพราะอยู่มา 30 ปีแล้ว
คนส่วนมากที่มาบริจาคคือกลุ่มใด ?= ก็ทั่วไป ส่วนมากจะเป็นครอบครัว เพราะเราเป็นมูลนิธิเด็ก ครอบครัวอาจมีลูก หลาน มีเด็กที่บ้านจึงนึกถึงเด็ก บางส่วนอาจเป็นหน่วยงาน กลุ่มเพื่อน แล้วแต่ว่า ณ ขณะนั้นอาจจะอยากทำบุญ แล้วอยากทำบุญที่ไหน วัด หรือ มูลนิธิ แล้วแต่จุดประสงค์ ของแต่ละคน
ค่าใช้จ่ายเฉพาะที่นี่ เดือนหนึ่งเยอะไหม ?= เยอะ แต่ที่นี่ จะมีระบบบัญชีที่เป็นระบบ
เงินเคยไม่พอหรือไม่ ?= ที่นี่ก็พออยู่ได้
กลุ่มเด็กที่นี่มีประมาณกี่คน ?= โดยรวม ที่สาย 4 และ กาญจนบุรี อายุ 6 เดือน ถึง 20 ปี รวมประมาณ 240 คน ที่สาย 4 มี 6 เดือน ถึง 6 ขวบ แยกเป็น อายุ 6 เดือน ถึง 3 ขวบครึ่ง 30-40 คน , อนุบาล คือ 3 ขวบครึ่ง ถึง 6 ขวบ 50-60 คน นอกเหนือจากนี้ วัยที่ ต่อจาก 6 ขวบขึ้นไป จนถึง 20 ปี อยู่ที่กาญจนบุรี ประมาณ 140 คน
มีมูลนิธิที่กาญจนบุรีด้วย ?= ที่โน่น จะมีค่อนข้างวัยรุ่น คือเด็กโต ที่โน่นจะเปิดให้คนเข้าไปบริจาคเหมือนกัน แต่เด็กที่โน่นเริ่มโต จะไม่ค่อยสนใจแขกเท่าไร
เด็กที่นี่กับที่นั่นแยกกันเลยรึป่าว ?= มีบางส่วน โตจากที่นี่ แล้วไปต่อที่นั่น หรือบางที ที่โน่นอาจรับมาเองโดยนักสังคมติดต่อเข้ามาให้
เด็กที่มาอยู่ที่นี่มีปัญหาอะไรบ้าง ?= ครอบครัวยากจน ครอบครัวแตกแยก ครอบครัวประสบปัญหาเศรษฐกิจ เช่น ตกงาน ไม่มีเงินเลียงดู มีลูกหลายคน อาจไม่มีเวลาเลี้ยงดูเด็ก เมื่อเกิดปัญหา จึงนำมาฝากดูแล และมีบางกรณีก็นำมาฝากไว้เลย บางกรณีก็มีมาเยี่ยมหา มารับกลับบ้านช่วงเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุด แล้วแต่สภาพครอบครัว และสภาพปัญหาของครอบครัวนั้นๆ มีบางกรณีที่มูลนิธิไม่สามารถช่วยเหลือได้ ก็จะแนะนำไปที่มูลนิธิอื่นที่ช่วยเหลือด้านนั้นโดยตรง
มีกรณีที่มาอยู่แล้วพ่อแม่รับกลับบ้านหรือไม่ ?= ชั่วคราว ก็มี แต่ไม่ใช่ว่า มาฝากเช้า เย็นกลับ เด็กจะกิน นอน เรียน ฝึกพัฒนาการที่นี่เลย เพราะเด็กที่เข้ามาที่นี่ จะมีการผ่านตรวจสอบข้อมูลอย่างดี ทั้งดูหลักฐานใบเกิด ซักประวัติครอบครัว แต่คนที่มาเยี่ยมจะเป็นการมาเยี่ยมได้ชั่วคราว บางคนเด็กอนุบาลที่ปิดเทอม ก็อาจกลับบ้านได้บ้าง บางคนแม่เด็กก็มาเยี่ยมหา แต่จะเป็นครั้งคราว คาดหวังไม่ได้ เพราะคนที่มาเยี่ยมลูก ส่วนมาก จะเป็นคนเดิมๆ
หากมีการมาเยี่ยมแบบนี้ เด็กจะมีปัญหาเวลาแม่มา แม่กลับ คือมีแนวโน้มที่จะแสดงอาการไหม ?= มี ขึ้นอยู่กับระยะเวลา และความบ่อยที่แม่มาเยี่ยม หากไม่ค่อยมา เด็กจะติดพี่เลี้ยง หรือแล้วแต่ระยะเวลาที่ได้กลับบ้าน หากกลับนาน ก็อาจไม่อยากกลับมาที่นี่ และแล้วแต่วัย หากยังเด็กก็ไม่รู้เรื่องอะไร ติดคนที่เลี้ยงดู ใครให้ไปไหนก็ไป
มีกรณีที่แม่มารับกลับ แล้วไม่ยอมกลับบ้านไหม ?= มี ส่วนมากจะเป็นเด็กเล็ก จะติดพี่เลี้ยง แต่อนุบาลส่วนมากจะอยากกลับบ้านเพราะ อยากไปเปิดหูเปิดตา อยู่แต่ที่นี่ก็เบื่อ ถ้ากลับบ้านจะร้องไม่อยากกลับมา ก็แล้วแต่อารมณ์เด็ก
ที่นี่ มีเด็กกำพร้า จริงๆ ไหม ?= กำพร้าตั้งแต่เกิดเลยก็มี พ่อแม่ตาย หายสาบสูญ ก็มี
หากกำพร้าเลยนี่ รับเด็กมาอย่างไร ?= มีคนพบเจอ หรือ โรงพยาบาลติดต่อมา แต่ปัญหากำพร้าเลย จะไม่ค่อยมีมาก เพราะจะมีมูลนิธิที่ทำทางนี้โดยตรงอยู่แล้ว ที่นี้จะเป็นการช่วยปัญหาครอบครัวมากกว่า หากเป็นเด็กกำพร้า ก็ต้องมีการเช็คประวัติ ที่มาที่ไปอย่างละเอียด มาจากมูลนิธิอื่นก็มี คือเด็กโตแล้ว คือมีการโอนมาจากมูลนิธิอื่นก็มี คือมาฝากให้ที่นี่ช่วยดูแลก็ดูแล
อย่างเด็กที่โตแล้ว จะรู้สึกว่าตนเองมีปมด้อยไหม ?= โตแล้วก็จะรู้ด้วยตนเอง ยิ่งโตยิ่งจะรู้สึก เช่น ถ้าเห็นเพื่อนมีแม่มาเที่ยวหา ก็รู้สึก ยิ่งโตยิ่งรู้สึก
เด็กกลุ่มนี้มีอาการแสดงออกมาอย่างไร ?= บางคนก็จะพูดกับคนที่สนิทสนมด้วยเลย พูดกับพี่เลี้ยง อย่างเมืองกาญจนบุรี ก็เป็นวัยประถม ปิดเทอมก็อยากกลับมาที่นี่ บางทีเข้ามาสู่วัยรุ่น ก็อาจรู่สึก บางที่หากร่างกายปกติ ก็จะไม่รุสึกเท่ากับคนที่ร่างกายไม่ปกติ จะรุสึกมากกว่า บางทีวัยรุ่น เริ่มมีการชอบพอกัน แต่หากเป็นคนปกติ ก็จะมีการชอบพอกันได้ เด็กบางคนที่โตมากับความผิดปกติเล็กน้อยเพราะแม่กินยาขับท้อง แต่ปัญหานี้มีไม่เยอะ มีน้อยมาก แต่ก้อมี เด็กกลุ่มนี้ จะต้องการความรักจากผุหญิง ไม่ใช่จากพ่อแม่ จากคนกันเอง แล้วแต่ มีปัญหาเยอะ หลายรูปแบบ หากร่างกายปกติ อาจชอบพอกันได้
มีวิธีการแก้ปัญหา หรือ ป้องกันอย่างไร ?= ขึ้นอยู่กับวัย อย่างเมืองกาญจนบุรีที่โตมาก บางครั้งอาจห้ามไม่ได้ เพราะเลี้ยงรวม ชาย หญิง
แบบนี้ มีปัญหาชู้สาวบ้างไหม ?= มีเพราะบางคน จะเด่นในด้านนี้ คือผู้ใหญ่ที่เลี้ยงดูจะรู้จักนิสัยเด็ก ก็จะคอยจับตามองเด็กที่มีปัญหาเด่นๆด้านนี้ และหากเด็กมีปัญหาก็จะปรึกษาแม่ๆที่เลี้ยงดู แม่ที่โน่น จะเป็นทั้งครู ทั้งคนเลี้ยงดูเลย
ที่นี่ มีเด็กพิการไหม ?= เด็กพิการกับติดเชื้อไม่มี แต่พิการคือที่เล่ามา คือรุ่นแรก ๆ เราไม่ได้ตั้งใจรับ แต่พอดีว่ามีมา ก็ถูกเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ เค้าจะติดพ่อกับแม่ที่นี่
ตารางชีวิต ?= แต่ละวัยไม่เหมือนกัน เช่น เด็กเล็ก เวลาตื่นไม่แน่นอน อาจเป็น ตีห้า หรือ หกโมง แล้วแต่เวลานอนของเด็ก แต่กลุ่มเด็กเล็ก ก็จะไม่ไปเกเรใคร หากตื่นก่อนก็จะอยู่เฉยๆ ตื่นมาก็กินข้าวเช้า อย่างเด็กเล็กก็จะเป็น ข้าวต้ม โจ๊ก จากนั้น สิบโมง ก็กินนม อย่างเด็กเล็ก จะเป็นนมผม หากเด็กเริ่มโตขึ้นมา ก็จะมีการฝึกการกินข้าวเอง การกินอาหาร ก็ฝึกให้กินผัก กินอาหารให้ครบ เมนูอาหาร ก็จะเป็นผู้ที่ทำอาหารคิด ในบางเมนู อาหารก็จะดีกว่าทางบ้านด้วยซ้ำ โดยของเด็กเล็กจะมีรสชาติที่อ่อนกว่า ไม่เผ็ด หากเด็กโตมาหน่อย ก็เป็นนมกล่อง ที่นี่ รณรงค์ให้กินนมจืด เน้นนมจืด เพราะเราเน้นเรื่องโภชนาการ เพราะเด็กส่วนมากจะอ้วน ติดขนมหวาน ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม ที่นี่ จะรณรงค์ไม่ให้กินขนมเหล่านี้
หากมาจัดกิจกรรม รางวัลที่เป็นขนมนี่ได้รึเปล่า ?= ไม่ควรให้พร่ำเพร่อ หากให้ควรให้ทุกคน หากเล่นกิจกรรม ไม่ควรจัดกิจกรรมที่มีการแพ้ชนะ ควรให้เท่าเทียมกัน ควรจัดกิจกรรมที่เน้นความสามัคคี หรืออยู่กับที่ ควรให้มีความน่าสนใจพอ เพราะเด็กอยู่ในวัยที่กำลังสนุกสนาน เราเลี้ยงดูแบบอิสระ แต่ที่นี่กินอยู่เป็นเวลา ยกเว้นเวลาที่มีแขกมาจัดกิจกรรม เพราะเด็กบางคนจะมีความเคยชิน หากมีคนมาแจกของบ่อยๆ เด็กก็จะคาดหวังว่าจะได้ เป็นการสร้างนิสัยที่มาดีให้เด็กๆ
เวลามี นักศึกษามาจัดกิจกรรม เด็กจะมีอาการแบบติดหรือไม่ ?= เด็กจะรู้ แรกๆตอนจะกลับ แต่อาจมีการติดตามบ้าง ท้ายที่สุดก็จะรู้ เด็กจะรู้ว่าได้แค่นี้นะ พี่เลี้ยงอาจมีการมาเบรกบ้าง เด็กที่นี่ค่อนข้างจะซนเล็กน้อยเพราะถูกเลี้ยงอย่างอิสระ
ในนี้มีหน่วยแพทย์หรือพยาบาลหรือไม่ ?= ก็จะมีห้องยา ติดไว้ ไม่ถึงขั้นห้องพยาบาล แต่ในที่นี่ ก็ต้องดูอาการ หากเป็นอะไรมากกว่ายาที่มี ก็จะนำไปส่งโรงพยาบาลหรือคลินิกใกล้ หากกลางวันเจ้าหน้าที่อยู่เยอะ คนหนึ่งก็จะไปกับเด็ก แต่ตอนกลางคืน พี่เลี้ยงจะลดลง เพราะพี่เลี้ยงมีแค่ 15 คน จะดูแลเด็กลำบากขึ้น
ที่นี่ มีบุคลากรเพียงพอกับ จำนวนเด็กหรือไม่ ?= ไม่เพียงพอ อย่างอนุบาล ถ้าเป็นเช้าถึงเยน วันธรรมดามีครู เด็ก 50-60 ต่อครู 5-6 คน ครู 1 คนต่อ เด็กประมาณ 10 คน ถ้าหากไม่มีคนนอกเข้ามา ครูจะดูแลเด็กได้ แต่ถ้ามีคนนอกเข้ามาจัดกิจกรรม เด็กจะคิดว่าคนนอกใจดี ก็อาจดูแลลำบากยิ่งขึ้น
ที่กาญจนบุรี ก็เหมือนที่นี่ กินนอน สอนหนังสือ ใช่หรือไม่ ?= ใช่ แต่ครูที่โน่นจะหนักกว่าเพราะครูอยู่ 24 ชม ที่โน่นนอกตัวเมือง 37 กิโลเมตร
เด็กอายุมาก 18-20 ปี การเรียนก็ต้องหนักขึ้น ?= เด็กที่โน่นจะมีการฝึกงาน ให้ช่วยเหลือตัวเองได้ มีการฝึกอาชีพ ทำงาน
เด็กที่โน่น อายุมากที่สุดเท่าไหร่ ?= มีหลายรุ่น มีทำงานที่โน่น กินเงินเดือน
เด็กมีออกไปทำงานข้างนอกไหม ?= ทำงานข้างนอกก็มี มีหลายรุ่นแล้ว ทำงานที่มูลนิธิก็มี
แล้วเด็กที่ห่างหายไป ลืมที่นี่ไหม ?= ก็อาจมีจัดกลุ่ม รวมกลุ่มกันเอง แล้วมาเยี่ยมหาบ่อย ๆ หรือ มาเยี่ยมหาเองก็มี
อย่างเสื้อผ้า ที่เด็กสวมใส่ ?= รับบริจาคหมด ทุกอย่างที่เป็นไปได้ จะขอรับบริจาคไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็น TV พัดลม บางที เราบอกแขกไป แขกอาจสงสัยว่า ใช้กับเด็กจริงเหรอ ความจริงเด็กก็ต้องใช้
ถ้ามีคนสนใจจะบริจาค จะมาอย่างไร ?= การเดินทาง หากมีคนโทรมาถาม เราก็จะถามว่าเขาอยู่ที่ไหน หากอยู่ละแวกใกล้เคียง เราก็จะสามารถบอกทางได้ หากอยู่ไกลเกินก็ไม่สามารถบอกทางได้
ฝากถึงคนทั่วไปให้มาช่วยกันบริจาคช่วยเหลือเด็ก ?= ใครอยากทำบุญ เมื่อไรก็ได้ ที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องที่นี่ เพราะมีหลายที่ที่เราสามารถช่วยเหลือได้ แต่การให้ ไม่อยากให้คาดหวังกับสิ่งที่ให้ เพราะบางคน จะคาดหวังกับการให้ว่าเด็กจะได้รับไหม จะไปไหน อะไรต่างๆนานา คือเครียดกับการให้ไป ควรให้ไปให้โดยความสบายใจ เราจะได้มีความสุข
ทางกลุ่ม 190 ขอขอบคุณมูลนิธิสานรักที่ได้ให้โอกาสเราเข้าไปจัดกิจกรรมและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์