
Sunday, January 3, 2010
Tuesday, December 1, 2009
MUGE190 จัดกิจกรรม ณ มูลนิธิสานรัก 25-11-0
ตัวแทนนักศึกษาจากกลุ่ม MUGE-190 จำนวน 6 คน ได้จัดกิจกรรมให้น้องๆบ้านทานตะวัน มูลนิธิเด็ก เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2552 โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นเด็กอายุระหว่าง 1.5 ถึง 3.5 ปี จำนวน 19 คน โดยมีรายละเอียดกิจกรรมดังนี้
1. กายบริหาร โดยให้น้องๆ เต้นเข้าจังหวะกับเพลงซึ่งมีเนื้อหาไม่ยาก และใกล้ตัว เพื่อให้น้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ และเตรียมนำเข้าสู่กิจกรรมถัดไป
2. เล่านิทาน โดยนิทานที่เล่านั้นจะเป็นนิทานที่เข้าใจได้ง่ายและมีการสอดแทรกเนื้อหาบางอย่าง เช่น การเสริมสุขอนามัยที่ดีโดยการล้างมือ เป็นต้น
3. วาดรูประบายสี เป็นการฝึกความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก โดยพี่ๆได้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด โดยน้องๆ ได้ให้ความสนใจในกิจกรรมนี้เป็นอย่างดี
4. นันทนาการ พี่ๆ ร่วมเล่นกับน้องๆ ในสนามเด็กเล่น


5. การเลี้ยงอาหารเย็น ทางกลุ่ม MUGE-190 ได้เลี้ยงอาหารเย็นน้องๆ และได้เข้าไปพูดคุย และเล่นกับน้องๆระหว่างการทานอาหาร


ทางกลุ่ม MUGE 190 ขอขอบคุณมูลนิธิสานรักที่ได้ให้โอกาสเราเข้าไปจัดกิจกรรมและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
MUGE190 Interview With มูลนิธิสานรัก
บทสัมภาษณ์
มูลนิธิสานรัก บ้านทานตะวัน เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
มูลนิธิสานรัก บ้านทานตะวัน เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
พี่ที่ให้สัมภาษณ์ ทำหน้าที่ อะไรในมูลนิธิสานรักนี้ ?
= เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ โดยรับบริจาค ให้ข้อมูล ติดต่อสอบถามเบื้องต้น หากจะทำอะไรกับมูลนิธิในรายละเอียดลึกๆ ก็ต้องคุยกับเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มหนึ่ง
มูลนิธินี้ ตั้งขึ้นมาได้อย่างไร?
= กรรมการหลายๆท่าน ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ในช่วงที่ก่อตั้งขึ้นมามีเด็กขาดสารอาหารเยอะ โดยก่อตั้งมาตั้งแต่ 2522 ตอนนี้ ครบ 30 ปีแล้ว กรรมการหลายๆท่าน ก็เป็นกรรมการของมูลนิธิอยู่ในปัจจุบัน
เงินทุนเริ่มต้นในการก่อตั้งสถานที่มาจากไหน ?
= ถ้าเป็นส่วนก่อสร้าง กรรมการจะหางบประมาณสนับสนุนจากหลายๆที่ อาจเป็น บริษัท
เงินสนับสนุนที่ใช้ในการดำเนินมูลนิธิส่วนมากมาจากไหน ?
= ทั่วไป จากการรับบริจาคจากคนในประเทศเป็นส่วนมาก แล้วแต่จะมาจากไหน อาจเป็นเดี่ยว กลุ่มคน บริษัท หรือ ครอบครัว แล้วแต่วัตถุประสงค์ของแต่ละบริษัท
หน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือด้านนี้บ้างไหม ?
= ไม่ได้มีเป็นหลัก ถ้าเป็นในส่วนของสิ่งก่อสร้างใหญ่ๆ หรือเป็นชิ้นเป็นอัน ส่วนมากต้องคุยกันเป็นกิจจะลักษณะ แต่ถ้าเป็นของทั่วไป บริจาคเงิน หรือสิ่งของ ก็จะมาโดยทั่วไป
ปกติ มีคนบริจาคเยอะไหม ?
= ปัจจุบันไม่ค่อยเยอะ เพราะมูลนิธิในปัจจุบันมีหลากหลายและเยอะ เด็กก็มาก ประเภทเด็กก็เยอะ สัตว์ก็เยอะ คนแก่ และแต่ละที่ก็ต้องการรับบริจาค แต่ที่นี่ก็พออยู่ได้ เพราะอยู่มา 30 ปีแล้ว
คนส่วนมากที่มาบริจาคคือกลุ่มใด ?
= ก็ทั่วไป ส่วนมากจะเป็นครอบครัว เพราะเราเป็นมูลนิธิเด็ก ครอบครัวอาจมีลูก หลาน มีเด็กที่บ้านจึงนึกถึงเด็ก บางส่วนอาจเป็นหน่วยงาน กลุ่มเพื่อน แล้วแต่ว่า ณ ขณะนั้นอาจจะอยากทำบุญ แล้วอยากทำบุญที่ไหน วัด หรือ มูลนิธิ แล้วแต่จุดประสงค์ ของแต่ละคน
ค่าใช้จ่ายเฉพาะที่นี่ เดือนหนึ่งเยอะไหม ?
= เยอะ แต่ที่นี่ จะมีระบบบัญชีที่เป็นระบบ
เงินเคยไม่พอหรือไม่ ?
= ที่นี่ก็พออยู่ได้
กลุ่มเด็กที่นี่มีประมาณกี่คน ?
= โดยรวม ที่สาย 4 และ กาญจนบุรี อายุ 6 เดือน ถึง 20 ปี รวมประมาณ 240 คน ที่สาย 4 มี 6 เดือน ถึง 6 ขวบ แยกเป็น อายุ 6 เดือน ถึง 3 ขวบครึ่ง 30-40 คน , อนุบาล คือ 3 ขวบครึ่ง ถึง 6 ขวบ 50-60 คน นอกเหนือจากนี้ วัยที่ ต่อจาก 6 ขวบขึ้นไป จนถึง 20 ปี อยู่ที่กาญจนบุรี ประมาณ 140 คน
มีมูลนิธิที่กาญจนบุรีด้วย ?
= ที่โน่น จะมีค่อนข้างวัยรุ่น คือเด็กโต ที่โน่นจะเปิดให้คนเข้าไปบริจาคเหมือนกัน แต่เด็กที่โน่นเริ่มโต จะไม่ค่อยสนใจแขกเท่าไร
เด็กที่นี่กับที่นั่นแยกกันเลยรึป่าว ?
= มีบางส่วน โตจากที่นี่ แล้วไปต่อที่นั่น หรือบางที ที่โน่นอาจรับมาเองโดยนักสังคมติดต่อเข้ามาให้
เด็กที่มาอยู่ที่นี่มีปัญหาอะไรบ้าง ?
= ครอบครัวยากจน ครอบครัวแตกแยก ครอบครัวประสบปัญหาเศรษฐกิจ เช่น ตกงาน ไม่มีเงินเลียงดู มีลูกหลายคน อาจไม่มีเวลาเลี้ยงดูเด็ก เมื่อเกิดปัญหา จึงนำมาฝากดูแล และมีบางกรณีก็นำมาฝากไว้เลย บางกรณีก็มีมาเยี่ยมหา มารับกลับบ้านช่วงเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุด แล้วแต่สภาพครอบครัว และสภาพปัญหาของครอบครัวนั้นๆ มีบางกรณีที่มูลนิธิไม่สามารถช่วยเหลือได้ ก็จะแนะนำไปที่มูลนิธิอื่นที่ช่วยเหลือด้านนั้นโดยตรง
มีกรณีที่มาอยู่แล้วพ่อแม่รับกลับบ้านหรือไม่ ?
= ชั่วคราว ก็มี แต่ไม่ใช่ว่า มาฝากเช้า เย็นกลับ เด็กจะกิน นอน เรียน ฝึกพัฒนาการที่นี่เลย เพราะเด็กที่เข้ามาที่นี่ จะมีการผ่านตรวจสอบข้อมูลอย่างดี ทั้งดูหลักฐานใบเกิด ซักประวัติครอบครัว แต่คนที่มาเยี่ยมจะเป็นการมาเยี่ยมได้ชั่วคราว บางคนเด็กอนุบาลที่ปิดเทอม ก็อาจกลับบ้านได้บ้าง บางคนแม่เด็กก็มาเยี่ยมหา แต่จะเป็นครั้งคราว คาดหวังไม่ได้ เพราะคนที่มาเยี่ยมลูก ส่วนมาก จะเป็นคนเดิมๆ
หากมีการมาเยี่ยมแบบนี้ เด็กจะมีปัญหาเวลาแม่มา แม่กลับ คือมีแนวโน้มที่จะแสดงอาการไหม ?
= มี ขึ้นอยู่กับระยะเวลา และความบ่อยที่แม่มาเยี่ยม หากไม่ค่อยมา เด็กจะติดพี่เลี้ยง หรือแล้วแต่ระยะเวลาที่ได้กลับบ้าน หากกลับนาน ก็อาจไม่อยากกลับมาที่นี่ และแล้วแต่วัย หากยังเด็กก็ไม่รู้เรื่องอะไร ติดคนที่เลี้ยงดู ใครให้ไปไหนก็ไป
มีกรณีที่แม่มารับกลับ แล้วไม่ยอมกลับบ้านไหม ?
= มี ส่วนมากจะเป็นเด็กเล็ก จะติดพี่เลี้ยง แต่อนุบาลส่วนมากจะอยากกลับบ้านเพราะ อยากไปเปิดหูเปิดตา อยู่แต่ที่นี่ก็เบื่อ ถ้ากลับบ้านจะร้องไม่อยากกลับมา ก็แล้วแต่อารมณ์เด็ก
ที่นี่ มีเด็กกำพร้า จริงๆ ไหม ?
= กำพร้าตั้งแต่เกิดเลยก็มี พ่อแม่ตาย หายสาบสูญ ก็มี
หากกำพร้าเลยนี่ รับเด็กมาอย่างไร ?
= มีคนพบเจอ หรือ โรงพยาบาลติดต่อมา แต่ปัญหากำพร้าเลย จะไม่ค่อยมีมาก เพราะจะมีมูลนิธิที่ทำทางนี้โดยตรงอยู่แล้ว ที่นี้จะเป็นการช่วยปัญหาครอบครัวมากกว่า หากเป็นเด็กกำพร้า ก็ต้องมีการเช็คประวัติ ที่มาที่ไปอย่างละเอียด มาจากมูลนิธิอื่นก็มี คือเด็กโตแล้ว คือมีการโอนมาจากมูลนิธิอื่นก็มี คือมาฝากให้ที่นี่ช่วยดูแลก็ดูแล
อย่างเด็กที่โตแล้ว จะรู้สึกว่าตนเองมีปมด้อยไหม ?
= โตแล้วก็จะรู้ด้วยตนเอง ยิ่งโตยิ่งจะรู้สึก เช่น ถ้าเห็นเพื่อนมีแม่มาเที่ยวหา ก็รู้สึก ยิ่งโตยิ่งรู้สึก
เด็กกลุ่มนี้มีอาการแสดงออกมาอย่างไร ?
= บางคนก็จะพูดกับคนที่สนิทสนมด้วยเลย พูดกับพี่เลี้ยง อย่างเมืองกาญจนบุรี ก็เป็นวัยประถม ปิดเทอมก็อยากกลับมาที่นี่ บางทีเข้ามาสู่วัยรุ่น ก็อาจรู่สึก บางที่หากร่างกายปกติ ก็จะไม่รุสึกเท่ากับคนที่ร่างกายไม่ปกติ จะรุสึกมากกว่า บางทีวัยรุ่น เริ่มมีการชอบพอกัน แต่หากเป็นคนปกติ ก็จะมีการชอบพอกันได้ เด็กบางคนที่โตมากับความผิดปกติเล็กน้อยเพราะแม่กินยาขับท้อง แต่ปัญหานี้มีไม่เยอะ มีน้อยมาก แต่ก้อมี เด็กกลุ่มนี้ จะต้องการความรักจากผุหญิง ไม่ใช่จากพ่อแม่ จากคนกันเอง แล้วแต่ มีปัญหาเยอะ หลายรูปแบบ หากร่างกายปกติ อาจชอบพอกันได้
มีวิธีการแก้ปัญหา หรือ ป้องกันอย่างไร ?
= ขึ้นอยู่กับวัย อย่างเมืองกาญจนบุรีที่โตมาก บางครั้งอาจห้ามไม่ได้ เพราะเลี้ยงรวม ชาย หญิง
แบบนี้ มีปัญหาชู้สาวบ้างไหม ?
= มีเพราะบางคน จะเด่นในด้านนี้ คือผู้ใหญ่ที่เลี้ยงดูจะรู้จักนิสัยเด็ก ก็จะคอยจับตามองเด็กที่มีปัญหาเด่นๆด้านนี้ และหากเด็กมีปัญหาก็จะปรึกษาแม่ๆที่เลี้ยงดู แม่ที่โน่น จะเป็นทั้งครู ทั้งคนเลี้ยงดูเลย
ที่นี่ มีเด็กพิการไหม ?
= เด็กพิการกับติดเชื้อไม่มี แต่พิการคือที่เล่ามา คือรุ่นแรก ๆ เราไม่ได้ตั้งใจรับ แต่พอดีว่ามีมา ก็ถูกเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ เค้าจะติดพ่อกับแม่ที่นี่
ตารางชีวิต ?
= แต่ละวัยไม่เหมือนกัน เช่น เด็กเล็ก เวลาตื่นไม่แน่นอน อาจเป็น ตีห้า หรือ หกโมง แล้วแต่เวลานอนของเด็ก แต่กลุ่มเด็กเล็ก ก็จะไม่ไปเกเรใคร หากตื่นก่อนก็จะอยู่เฉยๆ ตื่นมาก็กินข้าวเช้า อย่างเด็กเล็กก็จะเป็น ข้าวต้ม โจ๊ก จากนั้น สิบโมง ก็กินนม อย่างเด็กเล็ก จะเป็นนมผม หากเด็กเริ่มโตขึ้นมา ก็จะมีการฝึกการกินข้าวเอง การกินอาหาร ก็ฝึกให้กินผัก กินอาหารให้ครบ เมนูอาหาร ก็จะเป็นผู้ที่ทำอาหารคิด ในบางเมนู อาหารก็จะดีกว่าทางบ้านด้วยซ้ำ โดยของเด็กเล็กจะมีรสชาติที่อ่อนกว่า ไม่เผ็ด หากเด็กโตมาหน่อย ก็เป็นนมกล่อง ที่นี่ รณรงค์ให้กินนมจืด เน้นนมจืด เพราะเราเน้นเรื่องโภชนาการ เพราะเด็กส่วนมากจะอ้วน ติดขนมหวาน ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม ที่นี่ จะรณรงค์ไม่ให้กินขนมเหล่านี้
หากมาจัดกิจกรรม รางวัลที่เป็นขนมนี่ได้รึเปล่า ?
= ไม่ควรให้พร่ำเพร่อ หากให้ควรให้ทุกคน หากเล่นกิจกรรม ไม่ควรจัดกิจกรรมที่มีการแพ้ชนะ ควรให้เท่าเทียมกัน ควรจัดกิจกรรมที่เน้นความสามัคคี หรืออยู่กับที่ ควรให้มีความน่าสนใจพอ เพราะเด็กอยู่ในวัยที่กำลังสนุกสนาน เราเลี้ยงดูแบบอิสระ แต่ที่นี่กินอยู่เป็นเวลา ยกเว้นเวลาที่มีแขกมาจัดกิจกรรม เพราะเด็กบางคนจะมีความเคยชิน หากมีคนมาแจกของบ่อยๆ เด็กก็จะคาดหวังว่าจะได้ เป็นการสร้างนิสัยที่มาดีให้เด็กๆ
เวลามี นักศึกษามาจัดกิจกรรม เด็กจะมีอาการแบบติดหรือไม่ ?
= เด็กจะรู้ แรกๆตอนจะกลับ แต่อาจมีการติดตามบ้าง ท้ายที่สุดก็จะรู้ เด็กจะรู้ว่าได้แค่นี้นะ พี่เลี้ยงอาจมีการมาเบรกบ้าง เด็กที่นี่ค่อนข้างจะซนเล็กน้อยเพราะถูกเลี้ยงอย่างอิสระ
ในนี้มีหน่วยแพทย์หรือพยาบาลหรือไม่ ?
= ก็จะมีห้องยา ติดไว้ ไม่ถึงขั้นห้องพยาบาล แต่ในที่นี่ ก็ต้องดูอาการ หากเป็นอะไรมากกว่ายาที่มี ก็จะนำไปส่งโรงพยาบาลหรือคลินิกใกล้ หากกลางวันเจ้าหน้าที่อยู่เยอะ คนหนึ่งก็จะไปกับเด็ก แต่ตอนกลางคืน พี่เลี้ยงจะลดลง เพราะพี่เลี้ยงมีแค่ 15 คน จะดูแลเด็กลำบากขึ้น
ที่นี่ มีบุคลากรเพียงพอกับ จำนวนเด็กหรือไม่ ?
= ไม่เพียงพอ อย่างอนุบาล ถ้าเป็นเช้าถึงเยน วันธรรมดามีครู เด็ก 50-60 ต่อครู 5-6 คน ครู 1 คนต่อ เด็กประมาณ 10 คน ถ้าหากไม่มีคนนอกเข้ามา ครูจะดูแลเด็กได้ แต่ถ้ามีคนนอกเข้ามาจัดกิจกรรม เด็กจะคิดว่าคนนอกใจดี ก็อาจดูแลลำบากยิ่งขึ้น
ที่กาญจนบุรี ก็เหมือนที่นี่ กินนอน สอนหนังสือ ใช่หรือไม่ ?
= ใช่ แต่ครูที่โน่นจะหนักกว่าเพราะครูอยู่ 24 ชม ที่โน่นนอกตัวเมือง 37 กิโลเมตร
เด็กอายุมาก 18-20 ปี การเรียนก็ต้องหนักขึ้น ?
= เด็กที่โน่นจะมีการฝึกงาน ให้ช่วยเหลือตัวเองได้ มีการฝึกอาชีพ ทำงาน
เด็กที่โน่น อายุมากที่สุดเท่าไหร่ ?
= มีหลายรุ่น มีทำงานที่โน่น กินเงินเดือน
เด็กมีออกไปทำงานข้างนอกไหม ?
= ทำงานข้างนอกก็มี มีหลายรุ่นแล้ว ทำงานที่มูลนิธิก็มี
แล้วเด็กที่ห่างหายไป ลืมที่นี่ไหม ?
= ก็อาจมีจัดกลุ่ม รวมกลุ่มกันเอง แล้วมาเยี่ยมหาบ่อย ๆ หรือ มาเยี่ยมหาเองก็มี
อย่างเสื้อผ้า ที่เด็กสวมใส่ ?
= รับบริจาคหมด ทุกอย่างที่เป็นไปได้ จะขอรับบริจาคไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็น TV พัดลม บางที เราบอกแขกไป แขกอาจสงสัยว่า ใช้กับเด็กจริงเหรอ ความจริงเด็กก็ต้องใช้
ถ้ามีคนสนใจจะบริจาค จะมาอย่างไร ?
= การเดินทาง หากมีคนโทรมาถาม เราก็จะถามว่าเขาอยู่ที่ไหน หากอยู่ละแวกใกล้เคียง เราก็จะสามารถบอกทางได้ หากอยู่ไกลเกินก็ไม่สามารถบอกทางได้
ฝากถึงคนทั่วไปให้มาช่วยกันบริจาคช่วยเหลือเด็ก ?
= ใครอยากทำบุญ เมื่อไรก็ได้ ที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องที่นี่ เพราะมีหลายที่ที่เราสามารถช่วยเหลือได้ แต่การให้ ไม่อยากให้คาดหวังกับสิ่งที่ให้ เพราะบางคน จะคาดหวังกับการให้ว่าเด็กจะได้รับไหม จะไปไหน อะไรต่างๆนานา คือเครียดกับการให้ไป ควรให้ไปให้โดยความสบายใจ เราจะได้มีความสุข
ทางกลุ่ม 190 ขอขอบคุณมูลนิธิสานรักที่ได้ให้โอกาสเราเข้าไปจัดกิจกรรมและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
Monday, November 23, 2009
MUGE190 เยี่ยมชม มูลนิธิสานรัก 11-11-09
ทางกลุ่มได้นำสิ่งของที่จำเป็น อาทิเช่น อุปกรณ์การเรียนและเครื่องเขียน นม อุปกรณ์ซักล้าง เช่น สบู่ นำ้ยาล้างจาน ผงซักฟอก เป็นต้น บริจาคให้มูลนิธิ
โครงการศึกษาชีวิตและช่วยเหลือเด็กผู้ด้อยโอกาส
รายวิชา มมศท 101 การศึกษาทั่วไปเพื่อการพัฒนามนุษย์
1. โครงงานของกลุ่มที่ 52-190
2. ชื่อหัวข้อโครงงาน โครงการศึกษาชีวิตและช่วยเหลือเด็กผู้ด้อยโอกาส
3. จุดประสงค์ของโครงงาน
1. เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่เด็กผู้ด้อยโอกาสในด้านต่างๆให้มีความเป็นอยู่ที่ดี อาทิ ปัจจัยพื้นฐาน สันทนาการ เป็นต้น
2. เพื่อเป็นสื่อกลางถ่ายทอดสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กผู้ด้อยโอกาสให้คนทั่วไปได้รับทราบถึงปัญหาของเด็กกลุ่มหนึ่งในสังคมมากชึ้น เพื่อที่จะได้ตระหนักและร่วมมือกันช่วยเหลือเพื่อพัฒนาชีวิตของเด็กๆต่อไป
4. ความรู้เดิมเกี่ยวกับโครงงาน
จากการที่สมาชิกในกลุ่มได้เคยศึกษาจากหนังสือและวารสารต่างๆพบว่าปัญหาเด็กด้อยโอกาสในสังคมส่วนใหญ่เกิดจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะความอ่อนแอของสถาบันครอบครัว สถานสงเคราะห์จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กและเยาวชนที่ประสบปัญหาทางครอบครัวและสังคม ได้รับการพัฒนาด้านต่างๆ ทั้งด้านสุขภาพ อนามัย จิตใจ วิชาความรู้ การประกอบอาชีพ และทักษะชีวิตโดยครอบครัวและสังคมจนสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สถานสงเคราะห์บางแห่งจะรับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล บางแห่งมีการขอรับบริจาคเงินและสิ่งของจากองค์กรหรือบุคคลภายนอก โดยจะเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมสร้างความสุขให้แก่เด็กๆ เช่น เล่นเกมส์ ร้องเพลง เป็นต้น โดยสิ่งของที่มักจะได้รับบริจาคคือขนม และนม ส่วนสิ่งที่ต้องการมากเช่นกันคือพวกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น ผงซักฟอก และเวชภัณฑ์
5. ความรู้ใหม่เกี่ยวกับโครงงาน
จากการทบทวนเอกสารและข้อมูลการศึกษาของบุคคลต่าง ๆ ที่รวบรวมจากบทสรุปจากแผนพัฒนาเด็ก และเยาวชนด้อยโอกาส ปี 2545-2549 ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ ซึ่งรวบรวมโดยสภาองค์กรพัฒนาเด็กและเยาวชน เพื่อนำเสนอในการประชุมสัมมนาองค์พัฒนาเอกชนอาเซียน - ญี่ปุ่น ณ ประเทศอินโดนีเซีย ได้สะท้อนให้เห็นภาพของเด็กด้อยโอกาสในสังคมไทย ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สภาพของเด็กไทยว่ายังคงเป็นปัญหารุนแรงที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข บางส่วนบานปลาย ยากแก่การแก้ไข โดยเฉพาะเด็ก 6 ประเภทได้แก่ 1. เด็กที่ถูกละเมิด และทำร้ายซึ่งรวมถึงโสเภณีเด็ก การค้าเด็ก เด็กถูกใช้แรงงาน เด็กถูกละเมิดร่างกายและเพศ 2. เด็กถูกทอดทิ้ง รวมถึงเด็กเร่รอน เด็กขอทาน เด็กในชุมชนแออัด เด็กถูกละเลยและกำพร้า 3. เด็กทำความผิด รวมถึงเด็กติดยาและค้ายา เด็กถูกจับ เด็กในสถานพินิจ และเด็กพฤติกรรมเบี่ยงเบน 4. เด็กผิดปกติทางจิต รวมทั้งเด็กโรคจิต เด็กพยายามฆ่าตัวตาย และมีปัญหาทางอารมณ์ 5. เด็กขาดโอกาส รวมถึงเด็กยากจนมาก เด็กในท้องถิ่นห่างไกล เด็กจากครอบครัวพ่อแม่ตกงาน เด็กไร้สัญชาติ และเด็กอพยพ 6. เด็กที่ได้รับผลกระทบจากโรคเอดส์รวมทั้งเด็กติดเอดส์ และเด็กกำพร้าจากพ่อแม่ติดเอดส์ โดยสรุป เด็กด้อยโอกาสยังคงหลากหลาย และมีจำนวนมาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากสภาพวิกฤติเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีขึ้น ในขณะที่การดูแลยังเป็นแบบตั้งรับ การให้บริการยังไม่ครอบคลุมทั่วถึง และไม่เป็นเอกภาพ ส่วนใหญ่ยังคงเป็นต่างคนต่างทำกัน และขึ้นกับเป้าหมายส่วนองค์กรมากกว่าภาพรวมทั้งหมด การบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผล แม้จะมีกฎหมายเกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนจำนวนมาก แต่ครอบครัวอ่อนแอลงโดยเฉพาะในปัจจุบันที่กระแสบริโภคนิยมกำลังรุนแรง ส่งผลให้เด็กมีพฤติกรรม และการด้อยโอกาสที่สลับซ้อนมากยิ่งขึ้น ยากแก่การปกป้องคุ้มครอง ประกอบกับอิทธิพลการแพร่กระจายยาเสพติดไปยังเยาวชนนับวันรุนแรงมากขึ้นทั้งในชุมชน และโรงเรียนทั่วประเทศ ท่ามกลางปัญหาวิกฤติที่รุมล้อมสังคม ในขณะนี้ทำให้เด็กและเยาวชนที่เป็นกลุ่มชนที่มากที่สุด และอ่อนแอที่สุดของประเทศกำลังตกที่ท่ามกลางความเสี่ยงนานับประการ บทบาทขององค์กรพัฒนาเอกชน ที่ทำงานในการปกป้องคุ้มครองเด็กจะดำเนินการในการติดตาม และรวมรวบข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์เด็ก สอบสวนและรายงานจำนวนเด็กถูกละเมิด ช่วยเหลือเด็กจากการถูกละเมิดอย่างครบวงจร เช่น ดูแลให้ที่อยู่พักพิง และการดำเนินการตามกฎหมาย การติดตามผล การให้การศึกษากับองค์กรที่ทำงานด้านการปกป้องคุ้มครองเด็ก และเชื่อมกับองค์กรหาทุนต่าง ๆ เชื่อมโยงเครือข่ายและทำงานร่วมกัน ในกิจกรรมป้องกันเด็กถูกละเมิดในระดับชาติ และประสานกิจกรรมกับองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น คณะทำงานด้านเด็กมีเครือข่ายหลัก 18 องค์กร ที่ทำงานเชื่อมคนทำงานด้านเด็กทั้งภาครัฐและเอกชน การดำเนินงานที่ผ่านมาของเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเด็กได้รณรงค์ เรื่องอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติซึ่งเป็นกฏหมายระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ต่อรัฐภาคี (ประเทศสมาชิก) ทั้งปวงนับแต่วันที่รัฐภาคีนั้น ร่วมลงนามและให้สัตยาบัน เป็นกฎหมายที่มุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมที่เอื้อต่อการพัฒนาการของเด็ก โดยไม่มีกฎเกณฑ์เรียกร้องให้เด็กมีหน้าที่ใด ๆ ตอบแทนสังคม เพราะถือว่าเด็กเป็นกลุ่มบุคคลที่อ่อนแอกว่าบุคคลทั่วไปเช่นเดียวกับคนพิการ คนชราและสตรี คณะทำงานด้านเด็กได้เริ่มรณรงค์ เรื่องอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 เพื่อเร่งให้รัฐบาลรับรองอนุสัญญาฯ จนถึงปี พ.ศ. 2535 นายกรัฐมนตรีนายอานันท์ ปันยารชุณ จึงได้ลงนามภาคยานุวัติสาร ( หมายถึง การยอมรับที่จะนำไปปฏิบัติตาม ) เข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ซึ่งมีผลบังคับใช้ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2535
6.แรงจูงใจ/เหตุผลที่เลือกหัวข้อนี้
เนื่องจากกลุ่มได้เห็นว่าในปัจจุบันสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมานานัปการมาก ความเจริญด้านวัตถุเข้ามามีผลต่อค่านิยมของคนในสังคม จนอาจจะลืมนึกถึง สิ่งหนึ่งที่สำคัญนั้นคือ การแสดงออกถึงความเอื้ออาทรต่อกันในสังคม ทุกคนต่างเร่งรีบที่จะแสวงหาความสะดวกสบาย สร้างฐานะและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชีวิต และครอบครัวของต้นในด้านกายภาพ จนละเลยที่จะให้ความสำคัญด้านจิตใจ เราอาจจะทอดทิ้งใครบางคนในครอบครัวจนทำให้เกิดปัญหาอย่างเงียบๆซึ่งนำไปสู่... ปัญหาการทอดทิ้งกันและกันในสังคม หนึ่งในปัญหานั้นก็คือเด็กกำพร้าและเด็กพิการ คนกลุ่มนี้ยังขาดโอกาสอยู่อีกมากโดยเฉพาะเด็กที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ซึ่งสมควรที่คนในสังคมจะร่วมกันช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ให้มีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น
7.แนวทางการดำเนินงาน
แนวทางวิเคราะห์ความต้องการของชุมชน
สอบถามทางสถานสงเคราะห์ว่าต้องการสิ่งของหรือความช่วยเหลือในด้านใด ซึ่งพบว่าแม้ว่าสถานสงเคราะห์จะได้รับความช่วยเหลือมากแต่ก็ยังคงขาดสิ่งของที่จำเป็นบางอย่าง เช่นเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทำความสะอาดพวกผงซักฟอก น้ำยาล้างจานซึ่งขาดแคลนอย่างมาก
การเตรียมกิจกรรม
สอบถามข้อมูลพื้นฐานจากทางสถานสงเคราะห์ว่าต้องการหรืออนุญาตให้ทำกิจกรรมใดร่วมกับเด็กๆได้บ้าง เพื่อนำมาประเมินแนวทางการช่วยเหลือ
การดำเนินกิจกรรม
1.การเข้าไปยังสถานสงเคราะห์เพื่อให้ความช่วยเหลือ ทั้งในรูปสิ่งของบริจาคพวกเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทำความสะอาด เช่นผงซักฟอก น้ำยาล้างจานและการทำกิจกรรมร่วมกันกับเด็กๆ รวมไปถึงการทำสื่อให้คนภายนอกได้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ของเด็ก เพื่อชักชวนให้เข้ามาร่วมกันบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือเด็กๆเหล่านี้
2.เปิดรับบริจาครวมถึงการติดต่อไปยังหน่วยงานต่างๆเพื่อขอความอนุเคราะห์สิ่งของและเงินสำหรับนำไปมอบให้แก่สถานสงเคราะห์
การประเมินโครงงาน
ความสัมฤทธิ์ผลของโครงการ วัดจากความพึงพอใจของเด็ก การประเมินจากสถานสงเคราะห์ และการตอบรับสื่อจากผู้ที่ได้รับชมสื่อโดยอยู่ในรูปแบบสอบถามว่ามีความพอใจในระดับใดและสนใจที่จะเข้าไปร่วมกิจกรรมหรือบริจาคสิ่งของให้เด็กๆมากขึ้นหรือไม่หลังจากชมสื่อ
8. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการทำโครงงานนี้
1. เด็กผู้ด้อยโอกาสได้รับความช่วยเหลือในด้านต่างๆให้มีโอกาส และมีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
2. กระตุ้นให้ผู้อื่นได้เห็นถึงปัญหาเด็กด้อยโอกาสในสังคมซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว และร่วมมือกันช่วยเหลือ.ให้เด็กเหล่านี้มีชีวิตที่ดีขึ้น และช่วยกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากต้นเหตุของปัญหา
ประโยชน์ต่อสมาชิกในกลุ่ม
1. ช่วยให้สมาชิกรู้จักวางแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน มีการเรียบเรียงระบบความคิดและ ระบบการทำงานอย่างชัดเจนและรอบคอบ ได้ลงมือปฏิบัติจริงทำให้ได้รับประสบการณ์ในการทำงานเป็นหมู่คณะ มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมากขึ้น มีสติ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็ว มีความมั่นใจ
2. ช่วยพัฒนาความเป็นบัณฑิตของสมาชิกในกลุ่มโดยทำให้รู้จักการทำงานเพื่อสังคมมากขึ้น มีการเสียสละทำงานเพื่อส่วนรวม ทำให้ผู้อื่นมีความสุข
3. ช่วยให้สมาชิกรู้จักใฝ่หาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เพื่อนำมาใช้ประกอบโครงงานและเป็นแหล่งข้อมูลในการดำเนินกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9. ความสอดคล้องของโครงงานกับจุดมุ่งหมายของหมวดวิชาศึกษาทั่วไป
แนวทางการดำเนินโครงงานนี้ สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของหมวดวิชาการศึกษาทั่วไป ตามเจตนารมณ์ของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) คือ
- การพัฒนามนุษย์ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ คือ บัณฑิตมีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม ช่วยแก้ปัญหาและพัฒนาสังคมให้มีประสิทธิภาพ สันติสุช
- การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งที่มนุษย์เกี่ยวข้อง คือ พัฒนาความสัมพันธ์กับสังคม ให้สังคมมีสันติภาพ ความสงบสุข
- การพัฒนามนุษย์ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกาลเวลายุคสมัย และความเปลี่ยนแปลง คือรับรู้ถึงความเปลี่ยนไปของสังคม และพัฒนาตนเองให้เท่าทันยุคสมัย หรืออยู่เหนือยุคสมัย
- การพัฒนามนุษย์ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทศะ คือเป็นสมาชิกที่ดีและช่วยสร้างสรรค์สังคม ทั้งสังคมไทยและสังคมโลก
- การพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ ทั้งในด้านการทำงานร่วมกัน การเรียนรู้ การรับข้อมูล รวมถึงยกระดับจิตใจ
- การพัฒนาปัญญาซึ่งเป็นแกนกลางของการพัฒนามนุษย์ให้มีศักยภาพ คือ สามารถคิด พิจารณา วินิจฉัยไตร่ตรอง รู้เข้าใจเหตุผล รู้เท่าทันสิ่งต่างๆตามความเป็นจริง และมิอิสรภาพ
10. คำสำคัญ (Key Words)
ปัญหาสังคม, เด็กด้อยโอกาส, เด็กกำพร้า, สถานสงเคราะห์,การบริจาค, ความช่วยเหลือ
Wednesday, November 18, 2009
MUGE-190
สมาชิกกลุ่ม MUGE-190
1. 5201005 นาย ชนาวุฒิ คณิตสรพันธุ์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
2. 5202063 นาย ธนภัทร พันธุ์สว่างวงศ์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
3. 5205216 นางสาว นิศาลักษณ์ ตรงศิริวัฒน์ คณะวิทยาศาสตร์
4. 5206038 นางสาว ศุทธินี นุกูลสุขศิริ คณะเทคนิคการแพทย์
5. 5208140 นางสาว วริศรา ปลุกเสก คณะสาธารณสุขศาสตร์
6. 5209086 นางสาว พรพรรษา หล่อจีรานนท์ คณะพยาบาลศาสตร์
7. 5210079 นางสาว เชษฐ์ธิดา สกุนตนิยม คณะกายภาพบำบัด
8. 5211066 นางสาว วรรณพร แสนดัง คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
9. 5213126 นางสาว สุนันท์ สิริวุฒิวิวัฒน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์
10.5213359 นาย โสตถิพันธุ์ เอี่ยนเล่ง คณะวิศวกรรมศาสตร์
11.5214056 นาย ภรัณยู พลอยเจริญ วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล
12.5219037 นางสาว ปรียานุช แดงเดช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
13.5224098 นางสาว เมธินุช ทองธวัช มหาวิทยาลัยมหิดล กาญจนบุรี
14.5270076 นาย ศักดิ์ชัย กิจเปรมศักดิ์ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา
1. 5201005 นาย ชนาวุฒิ คณิตสรพันธุ์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
2. 5202063 นาย ธนภัทร พันธุ์สว่างวงศ์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
3. 5205216 นางสาว นิศาลักษณ์ ตรงศิริวัฒน์ คณะวิทยาศาสตร์
4. 5206038 นางสาว ศุทธินี นุกูลสุขศิริ คณะเทคนิคการแพทย์
5. 5208140 นางสาว วริศรา ปลุกเสก คณะสาธารณสุขศาสตร์
6. 5209086 นางสาว พรพรรษา หล่อจีรานนท์ คณะพยาบาลศาสตร์
7. 5210079 นางสาว เชษฐ์ธิดา สกุนตนิยม คณะกายภาพบำบัด
8. 5211066 นางสาว วรรณพร แสนดัง คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
9. 5213126 นางสาว สุนันท์ สิริวุฒิวิวัฒน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์
10.5213359 นาย โสตถิพันธุ์ เอี่ยนเล่ง คณะวิศวกรรมศาสตร์
11.5214056 นาย ภรัณยู พลอยเจริญ วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล
12.5219037 นางสาว ปรียานุช แดงเดช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
13.5224098 นางสาว เมธินุช ทองธวัช มหาวิทยาลัยมหิดล กาญจนบุรี
14.5270076 นาย ศักดิ์ชัย กิจเปรมศักดิ์ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา
Subscribe to:
Comments (Atom)